Elephant Forest Phitsanulok

About Us

Our Elephants

Elephant Forest Phitsanulok

ช้างของเรา

ช้างแต่ละเชือกที่ Elephant Forest มีอดีตที่แตกต่างกัน ที่นี่ พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ สามารถเลือกใช้ชีวิต และได้รับโอกาสในชีวิตอีกครั้ง 

บางเชือกมาถึงด้วยท่าทีเงียบขรึม บางเชือกมีความซุกซน หรือยังไม่คุ้นกับสภาพแวดล้อมใหม่ แต่ทุกเชือกกำลังปรับตัวจากชีวิตที่เคยอยู่ในกรอบ สู่การมีอิสระและได้รับการดูแลด้วยความเคารพ

นี่คือส่วนหนึ่งของช้างที่อาศัยอยู่ในผืนป่าแห่งนี้ ซึ่งเราตั้งใจดูแลให้เป็นบ้านที่มั่นคงและปลอดภัยสำหรับพวกเขา

Elephant Forest Phitsanulok

บุญหลาย

Elephant Forest Phitsanulok

รวยเงิน

Elephant Forest Phitsanulok

สีบัว

Elephant Forest Phitsanulok

กำไร

Elephant Forest Phitsanulok

สมบูรณ์

Elephant Forest Phitsanulok

แสงดาว

Elephant Forest Phitsanulok

ดอกคูณ

วิถีการเลี้ยงช้าง

ช้างของเราและแนวทางการดูแล

ที่ Elephant Forest Phitsanulok ช้างทุกเชือกมีชื่อ มีเรื่องราว และมีหัวใจ 

ช้างทุกเชือกที่นี่เคยผ่านการทำงานหลายสิบปี— ในอุตสาหกรรมลากไม้ ในแหล่งท่องเที่ยว บางเชือกมาด้วยสุขภาพที่แข็งแรงตามวัย แต่บางเชือกก็มาถึงในสภาพผอมแห้ง ขาผิดรูป หรือไม่แสดงออกถึงสภาวะอารมณ์ 

ที่นี่ เราพยายามฟื้นฟูช้าง ด้วยการให้เขาได้เป็นตัวของตัวเอง พวกเขาได้เดินเล่น อาบน้ำ กินสมุนไพรในป่า และค่อยๆเรียนรู้ ปรับพฤติกรรมสู่ธรรมชาติของช้าง
เราไม่บังคับให้พวกเขาทำกิจกรรมอะไร นอกจากให้พวกเขาได้เลือกเอง
เราทำหน้าที่เพียงสังเกตและดูแลสนับสนุน ให้เขาได้ใช้ชีวิตในแบบที่เหมาะกับเขาที่สุด.

การให้ช้างได้เข้าฝูง

ช้างเป็นสัตว์สังคมที่มีความรู้สึกและอารมณ์เฉพาะตัว สำหรับช้างเพศเมีย การได้อยู่กับฝูงเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ช้างมีสุขภาพจิตที่ดี 

ที่นี่ เราเปิดโอกาสให้ช้างแต่ละเชือกได้กลับมามีสังคมกับเพื่อนช้างด้วยกันอีกครั้ง ช้างหลายเชือกดูมีความสุขและร่าเริงขึ้น เมื่อได้เข้าสังคม รวมถึงได้เรียนรู้การใช้ชีวิตในป่า การเลือกกินสมุนไพรจากเพื่อนช้างที่มีประสบการณ์มากกว่า ช้างบางเชือกกลายเป็นเพื่อนคู่หูที่ต้องแวะคุยกันทุกเช้า

แม้ช้างบางเชือกเลือกที่จะเดินตามฝูงแบบรักษาระยะห่าง และนั่นก็ไม่เป็นไร เพราะช้างแต่ละเชือกมีนิสัยและประสบการณ์ที่แตกต่างกัน เราไม่เร่งรัดหรือบังคับให้ช้างเข้าฝูง ไม่ว่าจะยืนเคียงข้างกัน หรือเลือกเดินตามแบบเว้นระยะ สิ่งสำคัญคือพวกเขาได้มีสิทธิ์เลือก และใช้ชีวิตในแบบที่สอดคล้องกับธรรมชาติของตนเอง

ควาญช้าง: มากกว่าหน้าที่ คือความรักและผูกพัน

ควาญช้างของเราหลายคนมาจากกลุ่มชาติพันธุ์ ปกาเกอะญอ ชาวกูย และชาวขแมร์ ซึ่งมีองค์ความรู้เรื่องช้างสืบต่ออย่างยาวนาน บทบาทของพวกเขาไม่ใช่การควบคุมบังคับช้าง แต่เป็นการดูแลช้าง 

ผ่านการสังเกตอย่างละเอียดถึงพฤติกรรม การกิน การขับถ่าย และสภาวะอารมณ์ของช้าง

ควาญช้างที่มีทักษะ จะช่วยให้ช้างอยู่ร่วมกับคนได้อย่างปลอดภัยทั้งสองฝ่าย ควาญบางคนอาจพกเครื่องมือสำหรับกรณีฉุกเฉิน บางคนไม่พกอะไรเลย เพราะเชื่อในความไว้ใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน

ช้างมีคุณภาพชีวิตที่ดี เริ่มต้นจากการมีควาญช้างที่ดี

เราจึงให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของควาญเช่นเดียวกับคุณภาพชีวิตของช้าง
เราเห็นคุณค่าในความอดทน ทุ่มเท เสียสละของควาญช้าง คุณสมบัติที่อาจไม่โดดเด่น แต่เป็นหัวใจของการดูแลช้างอย่างแท้จริง

การเรียนรู้ เติบโตของเรา

เมื่อเริ่มต้นในปี 2555 เรายังไม่มีประสบการณ์มากนัก เราเรียนรู้จากการสังเกตช้าง และรับฟังควาญช้าง

เราเคยเข้าใจว่าการที่ช้างโยกตัวคือการเต้น—แต่วันนี้เรารู้แล้วว่ามันอาจเป็นสัญญาณของความเครียด
เราเคยคิดว่าผิวหนังของช้างหนาจนไม่รู้สึก—แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าช้างสามารถกลัวแม้กระทั่งเข็มเล็กๆ
เรายังได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของภูมิปัญญาควาญช้างไทยแบบดั้งเดิม—ที่สอนให้เราเข้าใจว่า “ความไว้ใจ ความสม่ำเสมอ และการสื่อสารอย่างนุ่มนวล” สามารถสร้างความปลอดภัยได้ โดยไม่ต้องใช้กำลัง

ทำไมเราจึงไม่มีกิจกรรมอาบน้ำหรือป้อนอาหารช้าง?

สำหรับเรา ผู้มาเยือนมีบทบาทสำคัญ คือการ “สังเกต” ไม่ใช่ “แทรกแซง”
เมื่อการท่องเที่ยวคาดหวังให้ลูกค้าได้อาบน้ำให้ช้าง หรือป้อนอาหารจากมือนักท่องเที่ยว มักทำให้ควาญช้างต้องควบคุมพฤติกรรมของช้างให้ตอบสนองต่อกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งบางครั้งอาจขัดกับธรรมชาติของช้าง เช่น การกลิ้งเกลือกเล่นในน้ำ หรือการพ่นน้ำใส่ตัวเอง

นั่นคือเหตุผลที่เรายกเลิกกิจกรรมเหล่านี้ 

เพื่อสุขอนามัยของช้าง ควาญช้างจะดูแลอาบน้ำให้ช้างเป็นกิจวัตรประจำวัน นอกจากนี้ ช้างของเราจะลงเล่นน้ำเองเมื่อพวกเขาต้องการ 

เมื่อเราให้ช้างทำกิจกรรมกับนักท่องเที่ยวน้อยลง ช้างก็ยิ่งได้เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น – ผ่อนคลาย เป็นธรรมชาติ และไม่ถูกบังคับ
เมื่อเราถอยออกมา ทั้งคนและช้างก็ปลอดภัยมากขึ้น และเราในฐานะผู้สังเกตการณ์ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเช่นกัน และได้เห็น “ความเป็นช้าง” อย่างแท้จริง ไม่ใช่การแสดง

เครื่องมือควบคุม

เราจะไม่ใช้คำโฆษณาเช่น “ไม่มีตะขอ” หรือ “ไม่ใช้โซ่”
แต่เราเลือกสื่อสารด้วยความจริง ว่าเราคำนึงถึง บริบท ความปลอดภัย และสวัสดิภาพ ของทั้งช้างและควาญเป็นหลัก

ตะขอ: เครื่องมือเพื่อความปลอดภัย (ใช้เฉพาะเมื่อจำเป็น)

ช้างเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ ควาญบางคนอาจพกตะขอไว้เพื่อความปลอดภัย ตะขอจะถูกใช้เฉพาะในกรณีฉุกเฉิน หรือเมื่อต้องควบคุมช้าง โดยคำนึงถึงสวัสดิภาพช้างเป็นหลัก เช่น เวลาตรวจหรือให้การรักษาทางการแพทย์ โดยสัตวแพทย์ การฝึกช้างเพื่อสามารถอยู่ร่วมกับคนด้วยความปลอดภัย

โซ่: ความปลอดภัยในการดูแลช้างแบบเลี้ยงในป่า

โซ่ไม่ใช่เครื่องมือทำโทษ แต่เป็นเครื่องมือสร้างความปลอดภัยให้ช้าง หากใช้อย่างเหมาะสม
ช้างใช้เวลาหากินมากถึง 18 ชั่วโมงต่อวัน
บนพื้นที่ป่ากว่า 900 ไร่ ช้างของเราได้ใช้ชีวิตในธรรมชาติ—เดินป่า หาอาหาร และทำพฤติกรรมต่างๆ อย่างอิสระ
กลางวัน:
หลังเดินป่า ควาญช้างจะพาช้างกลับมายังปางช้างเพื่อพัก และใช้เวลาในกิจวัตรประจำวัน เช่น ตรวจสุขภาพ ให้ยา หรืออาบน้ำ
ในอดีต เราผูกช้างไว้ที่หลักมัดด้วยโซ่สั้น อย่างไรก็ตามปัจจุบันเราปรับเปลี่ยนวิธีการโดยการให้ช้างพักในโรงยืนล้อมรั้ว (day enclosure) แทนการใช้โซ่สั้น เพื่อให้ช้างได้พักอย่างสบาย ไม่อึดอัด
กลางคืน:
ช้างเป็นสัตว์ที่กินอาหาร 18 ชั่วโมงต่อวัน แม้ช่วงกลางคืน ช้างก็ใช้เวลาในการหาอาหารกิน และใช้เวลานอนไม่มาก ในอดีตเราดูแลช้างในเวลากลางคืน ด้วยผูกช้างด้วยโซ่ยาว เพื่อให้ช้างได้มีโอกาสเดินหาของกินรอบๆ บริเวณ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเราได้รับการสนับสนุนโซ่สังเคราะห์ โดยองค์กร World Animal Protection – WAP) โซ่ชนิดนี้มีน้ำหนักเบากว่าเหล็กถึง 85% มีผิวสัมผัสที่โยนต่อผิวหนังของช้าง ช่วยให้ช้างเคลื่อนไหวได้โดยไม่ต้องแบกน้ำหนักมาก และสามารถย้ายช้างเปลี่ยนพื้นที่กินอาหารได้ทุกคืน ซึ่งดีกว่าการขังช้างไว้ในคอกอย่างมาก

การเสริมพฤติกรรม ด้วย Enrichment ให้ช้างได้ “เป็นช้าง”

ช้างเป็นสัตว์ที่มีความฉลาดอย่างมาก ในธรรมชาติ ช้างจะใช้เวลาในการหาอาหารกินเกือบทั้งวัน เมื่องช้างถูกเลี้ยงในปางช้าง การจัดกิจกรรมเสริมพฤติกรรม (enrichment) เป็นการกระตุ้นให้ช้างได้แสดงออกตามธรรมชาติ แทนที่จะให้ช้างกินอาหารจากมือนักท่องเที่ยวโดยตรง เราใช้วิธีกระตุ้นช้างให้ได้ใช้ประสาทสัมผัส การดม การคุ้ยหาอาหาร การใช้แรง การแก้ปัญหา และการสำรวจสิ่งแวดล้อม
กิจกรรมเหล่านี้อาจดูเรียบง่าย เช่น ซ่อนอาหารไว้ในกองหญ้า วางผลไม้ไว้บนต้นไม้ หรือวางวัตถุให้ช้างขยับด้วยงวง แต่มันช่วยกระตุ้นให้ช้างได้แสดงออกถึงพฤติกรรมทางธรรมชาติ ทำให้ช้างผ่อนคลาย ไม่เครียด และได้ออกกำลังอีกด้วย
นักท่องเที่ยวสามารถมีส่วนร่วมได้ โดยช่วยจัดเตรียมอุปกรณ์ enrichment หรือร่วมสังเกตขณะช้างกำลังเพลิดเพลินกับกิจกรรมเหล่านี้
เพราะในพื้นที่ที่ช้างไม่ต้อง “แสดง” แต่ได้ “เลือก” พวกเขาจะรู้สึกปลอดภัย ผ่อนคลาย และได้เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง
และนั่นคือสิ่งที่เราต้องการให้คุณได้เห็น—ช้างที่เป็นช้าง ในโลกของพวกเขาเอง

สิ่งที่ควรและไม่ควรทำเมื่อมาเยือน

เฝ้าดูอย่างสงบ — การเคลื่อนไหวกะทันหันหรือเสียงดังอาจทำให้ช้างตกใจ

เว้นระยะห่าง — ไม่สัมผัสหรือเข้าใกล้ ปล่อยให้ช้างเป็นฝ่ายนำ
งดให้อาหาร — เปลี่ยนมาเป็นการช่วยเตรียมกิจกรรมเสริมพฤติกรรมที่ส่งเสริมธรรมชาติของช้าง
งดอาบน้ำช้าง — ช้างจะอาบน้ำเองตามธรรมชาติเมื่อพวกเขาต้องการ
คุณสามารถสังเกตและถ่ายภาพได้อย่างเคารพโดยไม่รบกวน

แนวทางของเรา: ก้าวไปข้างหน้า มากกว่าความสมบูรณ์แบบ

แต่ละปางช้างล้วนมีบริบทและความจำเป็นของตนเอง ไม่ใช่ทุกแห่งจะมีทรัพยากรพร้อมสำหรับสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบ
แต่เรารู้ว่าหลายแห่งรักช้างของพวกเขาอย่างสุดหัวใจ และพยายามอย่างเต็มที่
ที่ Elephant Forest เราเลือก “เติบโต” แทนที่จะ “ตัดสิน”
เราขอเชิญทุกคนเปิดตาและเปิดใจ—เพื่อสังเกต เรียนรู้ และสนับสนุนในสิ่งที่คุณเชื่อ โดยไม่ตัดสินใครที่อาจยังอยู่ระหว่างทาง
เราเชื่อว่า “ความเมตตา” นำไปสู่ “ความเข้าใจ” และเมื่อเข้าใจแล้ว การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นได้
เหมือนระลอกคลื่นในน้ำที่นิ่ง—เพียงการประสบการณ์ที่ใช่สักครั้ง ก็สามารถจุดประกายแรงบันดาลใจให้เกิดขึ้นอีกมากมาย
เราหวังว่า สิ่งเล็กๆ ที่เริ่มต้นจากที่นี่—เช่นช่วงเวลาสงบที่ได้เดินกับช้างตัวนึง—จะค่อยๆ ขยายออกไปสู่การสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่

ปางช้างที่เป็นมิตรต่อช้าง โดยความร่วมมือกับ World Animal Protection (WAP)

Elephant Forest Phitsanulok ภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับองค์กร World Animal Protection (WAP)
ในฐานะปางช้างที่ให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพของช้าง และเป็นปางช้างที่เป็นมิตรต่อช้าง
ความร่วมมือนี้สะท้อนถึงพันธกิจของเราในการสร้างสวัสดิภาพที่ดีต่อช้าง และวาง “สวัสดิภาพความเป็นอยู่ที่ดีของช้าง” ไว้เป็นหัวใจของทุกสิ่งที่เราทำ

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวคิด

Be Elephant Aware

Elephant Forest Phitsanulok

บุญหลาย

บุญหลายเป็นช้างที่เปี่ยมด้วยสติปัญญาและความสงบอ่อนโยน เดิมอาศัยอยู่ในปางช้างในภาคเหนือ โดยมีสุขภาพแข็งแรงและร่างกายสมบูรณ์ กว่าช้างเชือกอื่น ๆ ครอบครัวเก่าที่ดูแลบุญหลายรักและผูกพันเป็นอย่างมากเหมือนคนในครอบครัว แต่เพราะประสบปัญหา จึงตัดสินใจมอบบุญหลายให้กับเราหลังจากแน่ใจว่าเราจะดูแลบุญหลายได้เป็นอย่างดี เพื่อให้เธอได้ใช้ชีวิตในวัยเกษียณอย่างมีความสุข ท่ามกลางธรรมชาติที่ควรได้รับ 

ในอดีต บุญหลายเคยทำงานลากซุงในป่า ทำให้มีประสบการณ์และสติปัญญาที่สะสมมา และสามารถปรับตัวและใช้ชีวิตอย่างอิสระในธรรมชาติได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อมาอยู่กับเราในวันแรก บุญหลายสามารถหาอาหารกินเองได้ทันทีโดยไม่ลังเล แตกต่างจากช้างเชือกอื่นที่ต้องใช้เวลาปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ เขารู้จักพืชหลากหลายชนิดในป่า และสามารถนำช้างเชือกอื่น ๆ ไปกินอาหารร่วมกันได้ เจ้าของเก่าเคยบอกกับเราว่า หากมีช้างที่ไม่ค่อยกินอาหาร ให้นำไปเดินกับบุญหลาย เพราะเธอจะเป็นผู้นำให้ 

บุญหลายยังมีไหวพริบและความเฉลียวฉลาดอีกมากมาย เช่น เวลาที่ได้รับกล้วยหนึ่งเครือ เธอจะเลือกกินเฉพาะผลกล้วยอย่างระมัดระวัง โดยทิ้งก้านเครือไว้อย่างเรียบร้อย ซึ่งเป็นเรื่องไม่ง่ายนักสำหรับช้างทั่วไปที่มีงวงและปากขนาดใหญ่ หรือเมื่อครั้งที่บุญหลายช่วยลูกช้างที่ถูกรังแกแม้ลูกช้างเชือกนั้นจะไม่ใช่ลูกของบุญหลายก็ตาม 

เรื่องเล่าหนึ่งของบุญหลายที่น่าประทับใจคือในช่วงเหตุการณ์สึนามิ บุญหลายทำงานรับนักท่องเที่ยวที่ชายหาด เมื่อเกิดแผ่นดินไหว เธอพาเด็กหญิง และควาญหนีขึ้นเขา โดยไม่ยอมกลับลงมาแม้เหตุการณ์จะสงบแล้ว ทั้งที่โดยปกติแล้วเธอเชื่อฟังคำสั่งเสมอ ไม่นานนักคลื่นยักษ์ก็ถาโถมเข้าสู่ชายฝั่ง ทำให้ทั้งควาญและนักท่องเที่ยวรอดชีวิตได้ 

บุญหลายเป็นช้างที่เปี่ยมด้วยสติปัญญาและความสงบอ่อนโยน เดิมอาศัยอยู่ในปางช้างในภาคเหนือ โดยมีสุขภาพแข็งแรงและร่างกายสมบูรณ์ กว่าช้างเชือกอื่น ๆ ครอบครัวเก่าที่ดูแลบุญหลายรักและผูกพันเป็นอย่างมากเหมือนคนในครอบครัว แต่เพราะประสบปัญหา จึงตัดสินใจมอบบุญหลายให้กับเราหลังจากแน่ใจว่าเราจะดูแลบุญหลายได้เป็นอย่างดี เพื่อให้เธอได้ใช้ชีวิตในวัยเกษียณอย่างมีความสุข ท่ามกลางธรรมชาติที่ควรได้รับ 

ในอดีต บุญหลายเคยทำงานลากซุงในป่า ทำให้มีประสบการณ์และสติปัญญาที่สะสมมา และสามารถปรับตัวและใช้ชีวิตอย่างอิสระในธรรมชาติได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อมาอยู่กับเราในวันแรก บุญหลายสามารถหาอาหารกินเองได้ทันทีโดยไม่ลังเล แตกต่างจากช้างเชือกอื่นที่ต้องใช้เวลาปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ เขารู้จักพืชหลากหลายชนิดในป่า และสามารถนำช้างเชือกอื่น ๆ ไปกินอาหารร่วมกันได้ เจ้าของเก่าเคยบอกกับเราว่า หากมีช้างที่ไม่ค่อยกินอาหาร ให้นำไปเดินกับบุญหลาย เพราะเธอจะเป็นผู้นำให้ 

บุญหลายยังมีไหวพริบและความเฉลียวฉลาดอีกมากมาย เช่น เวลาที่ได้รับกล้วยหนึ่งเครือ เธอจะเลือกกินเฉพาะผลกล้วยอย่างระมัดระวัง โดยทิ้งก้านเครือไว้อย่างเรียบร้อย ซึ่งเป็นเรื่องไม่ง่ายนักสำหรับช้างทั่วไปที่มีงวงและปากขนาดใหญ่ หรือเมื่อครั้งที่บุญหลายช่วยลูกช้างที่ถูกรังแกแม้ลูกช้างเชือกนั้นจะไม่ใช่ลูกของบุญหลายก็ตาม 

เรื่องเล่าหนึ่งของบุญหลายที่น่าประทับใจคือในช่วงเหตุการณ์สึนามิ บุญหลายทำงานรับนักท่องเที่ยวที่ชายหาด เมื่อเกิดแผ่นดินไหว เธอพาเด็กหญิง และควาญหนีขึ้นเขา โดยไม่ยอมกลับลงมาแม้เหตุการณ์จะสงบแล้ว ทั้งที่โดยปกติแล้วเธอเชื่อฟังคำสั่งเสมอ ไม่นานนักคลื่นยักษ์ก็ถาโถมเข้าสู่ชายฝั่ง ทำให้ทั้งควาญและนักท่องเที่ยวรอดชีวิตได้ 

Elephant Forest Phitsanulok

รวยเงิน

รวยเงินเป็นช้างที่มาจากพม่า และถือเป็นหนึ่งในช้างรุ่นสุดท้ายที่ถูกจับมาจากป่าธรรมชาติในช่วงที่ช้างป่ายังมีอยู่มากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เคยใช้แรงงานเป็นช้างลากซุง และต่อมาก็กลายเป็นช้างแท็กซี่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นนั่งในภาคเหนือของไทย ถึงแม้จะผ่านงานหนักมาหลายรูปแบบ แต่รวยเงินกลับยังมีสุขภาพกายที่สมบูรณ์ แข็งแรงกว่าเพื่อนช้างหลายเชือก เพราะเคยมีโอกาสใช้ชีวิตในป่ามาก่อน มีก้อนกล้ามเนื้อบนหัวไหล่จำนวน 2 ก้อนจากการลากซุง แต่สัตวแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าสุขภาพโดยรวมดี ก้อนกล้ามเนื้อไม่ได้เป็นอันตราย 

รวยเงินมีนิสัยขี้อายและขี้กลัว เธอมักกลัวสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นรถ สุนัข นก หรือแม้แต่ช้างเชือกอื่น เวลาตกใจหรือรู้สึกไม่ปลอดภัย ก็มักจะเดินไปยืนหลบหลังต้นไม้ บางครั้งยกงวงปิดหน้าตัวเองไว้ ทำเหมือนว่าแค่ปิดตาแล้วคนจะมองไม่เห็น แม้ว่าท้องจะยังโผล่ออกมาให้เห็นชัดก็ตาม พฤติกรรมขี้กลัวนี้อาจมีสาเหตุจากอดีต เมื่อครั้งเจ้าของเก่าเคยพาเธอไปผูกไว้ในป่าเพื่อให้ช้างป่าผสมพันธุ์ แต่ช้างที่มานั้นตัวใหญ่เกินไปจนเกิดอุบัติเหตุ ทำให้เธออาจฝังใจและกลัวช้างตัวอื่นตั้งแต่นั้น 

ถึงแม้จะระแวง แต่รวยเงินก็พยายามปรับตัวมากขึ้นในแต่ละวัน ตอนแรกเธอจะเดินหนีเมื่อมีช้างเชือกอื่นเข้าใกล้ แต่ตอนนี้เริ่มกล้าเดินตามจากระยะห่างเล็กน้อย เหมือนกลัวจะโดนทิ้งแต่ก็ยังไม่กล้าเดินกับโขลงเต็มที่ รวยเงินเป็นช้างที่มีจิตใจอ่อนโยน โดยเฉพาะกับเด็ก และยังเคยช่วยชีวิตเพื่อน ๆ มาแล้วครั้งหนึ่ง สมัยทำงานที่เชียงใหม่ ขณะให้นักท่องเที่ยวอาบน้ำช้างในลำธาร จู่ ๆ รวยเงินก็ลุกขึ้นจากน้ำและเรียกช้างเชือกอื่นขึ้นจากน้ำตามกันมา ไม่นานหลังจากนั้นก็มีน้ำป่าไหลหลากลงมา ทำให้ทุกชีวิตรอดปลอดภัย เพราะสัญชาตญาณของเธอ 

ปัจจุบันรวยเงินได้มาอยู่กับเราเพราะครอบครัวเจ้าของเก่าไม่สามารถดูแลต่อได้ หลังจากคุณพ่อเสียชีวิต เราได้รับเธอมาดูแลต่อจากบุญหลาย ซึ่งอยู่กับครอบครัวเดียวกัน และหวังว่าการได้ใช้ชีวิตร่วมกับโขลงใหม่และเพื่อนใหม่ จะช่วยให้รวยเงินมั่นใจมากขึ้นในแต่ละวัน และอาจไม่ต้องซ่อนตัวหลังต้นไม้อีกต่อไป

รวยเงินเป็นช้างที่มาจากพม่า และถือเป็นหนึ่งในช้างรุ่นสุดท้ายที่ถูกจับมาจากป่าธรรมชาติในช่วงที่ช้างป่ายังมีอยู่มากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เคยใช้แรงงานเป็นช้างลากซุง และต่อมาก็กลายเป็นช้างแท็กซี่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นนั่งในภาคเหนือของไทย ถึงแม้จะผ่านงานหนักมาหลายรูปแบบ แต่รวยเงินกลับยังมีสุขภาพกายที่สมบูรณ์ แข็งแรงกว่าเพื่อนช้างหลายเชือก เพราะเคยมีโอกาสใช้ชีวิตในป่ามาก่อน มีก้อนกล้ามเนื้อบนหัวไหล่จำนวน 2 ก้อนจากการลากซุง แต่สัตวแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าสุขภาพโดยรวมดี ก้อนกล้ามเนื้อไม่ได้เป็นอันตราย รวยเงินมีนิสัยขี้อายและขี้กลัว เธอมักกลัวสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นรถ สุนัข นก หรือแม้แต่ช้างเชือกอื่น เวลาตกใจหรือรู้สึกไม่ปลอดภัย ก็มักจะเดินไปยืนหลบหลังต้นไม้ บางครั้งยกงวงปิดหน้าตัวเองไว้ ทำเหมือนว่าแค่ปิดตาแล้วคนจะมองไม่เห็น แม้ว่าท้องจะยังโผล่ออกมาให้เห็นชัดก็ตาม พฤติกรรมขี้กลัวนี้อาจมีสาเหตุจากอดีต เมื่อครั้งเจ้าของเก่าเคยพาเธอไปผูกไว้ในป่าเพื่อให้ช้างป่าผสมพันธุ์ แต่ช้างที่มานั้นตัวใหญ่เกินไปจนเกิดอุบัติเหตุ ทำให้เธออาจฝังใจและกลัวช้างตัวอื่นตั้งแต่นั้น ถึงแม้จะระแวง แต่รวยเงินก็พยายามปรับตัวมากขึ้นในแต่ละวัน ตอนแรกเธอจะเดินหนีเมื่อมีช้างเชือกอื่นเข้าใกล้ แต่ตอนนี้เริ่มกล้าเดินตามจากระยะห่างเล็กน้อย เหมือนกลัวจะโดนทิ้งแต่ก็ยังไม่กล้าเดินกับโขลงเต็มที่ รวยเงินเป็นช้างที่มีจิตใจอ่อนโยน โดยเฉพาะกับเด็ก และยังเคยช่วยชีวิตเพื่อน ๆ มาแล้วครั้งหนึ่ง สมัยทำงานที่เชียงใหม่ ขณะให้นักท่องเที่ยวอาบน้ำช้างในลำธาร จู่ ๆ รวยเงินก็ลุกขึ้นจากน้ำและเรียกช้างเชือกอื่นขึ้นจากน้ำตามกันมา ไม่นานหลังจากนั้นก็มีน้ำป่าไหลหลากลงมา ทำให้ทุกชีวิตรอดปลอดภัย เพราะสัญชาตญาณของเธอ ปัจจุบันรวยเงินได้มาอยู่กับเราเพราะครอบครัวเจ้าของเก่าไม่สามารถดูแลต่อได้ หลังจากคุณพ่อเสียชีวิต เราได้รับเธอมาดูแลต่อจากบุญหลาย ซึ่งอยู่กับครอบครัวเดียวกัน และหวังว่าการได้ใช้ชีวิตร่วมกับโขลงใหม่และเพื่อนใหม่ จะช่วยให้รวยเงินมั่นใจมากขึ้นในแต่ละวัน และอาจไม่ต้องซ่อนตัวหลังต้นไม้อีกต่อไป

Elephant Forest Phitsanulok

สีบัว

สีบัวเป็นช้างที่เคยทำงานในแคมป์ช้างแท็กซี่แห่งหนึ่งในภาคตะวันออก ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมขึ้นขี่หลังช้างเพื่อสัมผัสประสบการณ์อย่างใกล้ชิด แต่เนื่องจากสีบัวได้รับบาดเจ็บบริเวณขาหลังขวาจากการทำงานสมัยยังทำงานลากซุงในวัยเด็ก ส่งผลให้ขาผิดรูปและทำให้การเดินช้าลงอย่างเห็นได้ชัด แม้จะมีข้อจำกัดทางร่างกาย แต่สีบัวกลับถูกบังคับให้เดินเร็วขึ้นด้วยวิธีที่รุนแรง เช่น การตีและการผลัก จนทำให้สภาพร่างกายย่ำแย่และเจ็บปวดมากขึ้น ในวันที่เราได้พบกับสีบัวครั้งแรก เขาเดินอย่างเชื่องช้า มีอาการซึมเศร้า หูไม่กระพือ คอตก และหางไม่แกว่งเหมือนช้างทั่วไป สีบัวไม่ส่งเสียงและไม่แสดงความสนใจช้างตัวอื่น ๆ ทำให้เรารู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก หลังจากที่มาอาศัยอยู่กับเรา และได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด สีบัวก็เริ่มมีอารมณ์ดีและสดใสขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมีช้างเชือกอื่นเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ และเริ่มแสดงความอยากรู้อยากเห็นและมีปฏิสัมพันธ์กับช้างตัวอื่นมากขึ้น นอกจากนั้น สีบัวยังได้รับการดูแลเรื่องอาหารที่หลากหลายและมีสภาพแวดล้อมในป่าใหญ่ที่เหมาะสม ทำให้สีบัวได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ มีโอกาสได้อาบน้ำในสระ และได้เล่นสนุกกับช้างเชือกอื่น ๆ อย่างอิสระ แม้จะยังมีนิสัยขี้ตกใจ บางครั้งก็ตกใจปลาในึงน้ำ หรือตกใจว่าตัวเองหาทางขึ้นจากบึงน้ำไม่ได้ มักจะร้องเรียกให้บุญหลายที่ยืนกินอยู่ใกล้ ๆ เดินเข้าไปช่วย ปัจจุบันสีบัวกลายเป็นช้างที่ขี้เล่นและร่าเริง ชอบแหย่และเล่นชนหัวกับช้างเชือกอื่น โดยเฉพาะเพื่อนสนิทชื่อกำไร ซึ่งบางครั้งก็ต้องมีเจ้าหน้าที่คอยแยกเพื่อป้องกันการเล่นซนที่อาจเกินขอบเขต สีบัวยังคงเดินช้าเนื่องจากขาที่เคยบาดเจ็บ แต่ความช้านั้นไม่เคยเป็นอุปสรรคต่อความสุขและความสัมพันธ์ระหว่างสีบัวกับช้างและพี่ควาญ สีบัวมีความผูกพันและไว้ใจพี่ควาญมาก โดยมักจะยืนพิงและชอบให้ลูบตัวด้วยความอ่อนโยน
สีบัวเป็นช้างที่เคยทำงานในแคมป์ช้างแท็กซี่แห่งหนึ่งในภาคตะวันออก ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมขึ้นขี่หลังช้างเพื่อสัมผัสประสบการณ์อย่างใกล้ชิด แต่เนื่องจากสีบัวได้รับบาดเจ็บบริเวณขาหลังขวาจากการทำงานสมัยยังทำงานลากซุงในวัยเด็ก ส่งผลให้ขาผิดรูปและทำให้การเดินช้าลงอย่างเห็นได้ชัด แม้จะมีข้อจำกัดทางร่างกาย แต่สีบัวกลับถูกบังคับให้เดินเร็วขึ้นด้วยวิธีที่รุนแรง เช่น การตีและการผลัก จนทำให้สภาพร่างกายย่ำแย่และเจ็บปวดมากขึ้น ในวันที่เราได้พบกับสีบัวครั้งแรก เขาเดินอย่างเชื่องช้า มีอาการซึมเศร้า หูไม่กระพือ คอตก และหางไม่แกว่งเหมือนช้างทั่วไป สีบัวไม่ส่งเสียงและไม่แสดงความสนใจช้างตัวอื่น ๆ ทำให้เรารู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก หลังจากที่มาอาศัยอยู่กับเรา และได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด สีบัวก็เริ่มมีอารมณ์ดีและสดใสขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมีช้างเชือกอื่นเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ และเริ่มแสดงความอยากรู้อยากเห็นและมีปฏิสัมพันธ์กับช้างตัวอื่นมากขึ้น นอกจากนั้น สีบัวยังได้รับการดูแลเรื่องอาหารที่หลากหลายและมีสภาพแวดล้อมในป่าใหญ่ที่เหมาะสม ทำให้สีบัวได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ มีโอกาสได้อาบน้ำในสระ และได้เล่นสนุกกับช้างเชือกอื่น ๆ อย่างอิสระ แม้จะยังมีนิสัยขี้ตกใจ บางครั้งก็ตกใจปลาในึงน้ำ หรือตกใจว่าตัวเองหาทางขึ้นจากบึงน้ำไม่ได้ มักจะร้องเรียกให้บุญหลายที่ยืนกินอยู่ใกล้ ๆ เดินเข้าไปช่วย ปัจจุบันสีบัวกลายเป็นช้างที่ขี้เล่นและร่าเริง ชอบแหย่และเล่นชนหัวกับช้างเชือกอื่น โดยเฉพาะเพื่อนสนิทชื่อกำไร ซึ่งบางครั้งก็ต้องมีเจ้าหน้าที่คอยแยกเพื่อป้องกันการเล่นซนที่อาจเกินขอบเขต สีบัวยังคงเดินช้าเนื่องจากขาที่เคยบาดเจ็บ แต่ความช้านั้นไม่เคยเป็นอุปสรรคต่อความสุขและความสัมพันธ์ระหว่างสีบัวกับช้างและพี่ควาญ สีบัวมีความผูกพันและไว้ใจพี่ควาญมาก โดยมักจะยืนพิงและชอบให้ลูบตัวด้วยความอ่อนโยน

Elephant Forest Phitsanulok

กำไร

กำไรเป็นช้างที่เคยทำงานในปางช้างในภาคตะวันออก ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นนั่งบนหลังเพื่อชมธรรมชาติ แม้จะมาจากที่เดียวกับช้างอีกเชือก คือคุณยายแสงดาว แต่ช้างทั้งสองกลับไม่คุ้นเคยกันมากนัก เนื่องจากต้องทำงานแยกกัน ไม่ได้มีโอกาสใช้ชีวิตร่วมกันอย่างอิสระเหมือนช้างในธรรมชาติ เราไม่สามารถสืบประวัติของกำไรได้ครบถ้วนนัก เนื่องจากเธอถูกเปลี่ยนเจ้าของหลายครั้งจนเอกสารต่าง ๆ สูญหาย คาดว่ากำไรอาจเคยผ่านงานลากซุงมาก่อนในช่วงที่อุตสาหกรรมป่าไม้ยังคงดำเนินอยู่ ก่อนที่จะถูกยุติในปี พ.ศ. 2532 ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ช้างจำนวนมากถูกโยกย้ายเข้าสู่วงจรการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เรารับรู้ได้อย่างชัดเจนคือสุขภาพของกำไรต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เธอมีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ต้องควบคุมอาหารและให้ยาอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังพบว่าเธอเป็นโรคโลหิตจาง ซึ่งคาดว่าเกี่ยวข้องกับเหาที่พบได้ทั่วไปในปางช้างที่เก่า ด้วยความที่กำไรมีขนค่อนข้างเยอะ จึงต้องใส่ใจในการดูแลเพื่อให้สุขภาพของเธอฟื้นตัวดีขึ้น เรามักเห็นกำไรพ่นโคลนใส่ตัวและขยับตัวเป็นจังหวะเหมือนพยายามไล่เหาออกไป กำไรเคยมีพฤติกรรมบางอย่างที่สะท้อนถึงความกังวล เช่น การส่ายหัวไปมาเวลาอยู่ในพื้นที่แคบ หรือในขณะยืนรออาหาร ซึ่งสัตวแพทย์เรียกพฤติกรรมนี้ว่า stereotypic behavior แต่เมื่อได้มาอยู่ร่วมกับเพื่อนใหม่อย่างสีบัวและบุญหลาย พฤติกรรมเหล่านั้นก็ค่อย ๆ หายไป และปรับพฤติกรรมเข้ากับช้างเชือกอื่นได้เป็นอย่างดี เช่น เล่นซนกับสีบัว หรือเดินพูดคุยตามประสาช้างกับบุญหลาย แม้ว่ากำไรจะเป็นช้างที่ไม่ค่อยอยู่นิ่ง ชอบเดินหายเข้าไปในป่า หรือบางวันกินได้นิดเดียวแล้วก็ลุกไปเดินต่อ แต่เธอก็สามารถปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตใหม่ได้ดี เธอเคยมีเพื่อนเป็นหมาสีดำชื่อเฉาก๊วย ที่มักเดินตามกำไรไปทุกที่ ปัจจุบันกำไรมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นมาก ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ มีเพื่อนฝูงที่สามารถแบ่งปันความสุขได้ และที่สำคัญ เธอไม่ต้องตื่นมาเพื่อทำงานอีกต่อไปแล้ว
กำไรเป็นช้างที่เคยทำงานในปางช้างในภาคตะวันออก ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นนั่งบนหลังเพื่อชมธรรมชาติ แม้จะมาจากที่เดียวกับช้างอีกเชือก คือคุณยายแสงดาว แต่ช้างทั้งสองกลับไม่คุ้นเคยกันมากนัก เนื่องจากต้องทำงานแยกกัน ไม่ได้มีโอกาสใช้ชีวิตร่วมกันอย่างอิสระเหมือนช้างในธรรมชาติ เราไม่สามารถสืบประวัติของกำไรได้ครบถ้วนนัก เนื่องจากเธอถูกเปลี่ยนเจ้าของหลายครั้งจนเอกสารต่าง ๆ สูญหาย คาดว่ากำไรอาจเคยผ่านงานลากซุงมาก่อนในช่วงที่อุตสาหกรรมป่าไม้ยังคงดำเนินอยู่ ก่อนที่จะถูกยุติในปี พ.ศ. 2532 ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ช้างจำนวนมากถูกโยกย้ายเข้าสู่วงจรการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เรารับรู้ได้อย่างชัดเจนคือสุขภาพของกำไรต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เธอมีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ต้องควบคุมอาหารและให้ยาอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังพบว่าเธอเป็นโรคโลหิตจาง ซึ่งคาดว่าเกี่ยวข้องกับเหาที่พบได้ทั่วไปในปางช้างที่เก่า ด้วยความที่กำไรมีขนค่อนข้างเยอะ จึงต้องใส่ใจในการดูแลเพื่อให้สุขภาพของเธอฟื้นตัวดีขึ้น เรามักเห็นกำไรพ่นโคลนใส่ตัวและขยับตัวเป็นจังหวะเหมือนพยายามไล่เหาออกไป กำไรเคยมีพฤติกรรมบางอย่างที่สะท้อนถึงความกังวล เช่น การส่ายหัวไปมาเวลาอยู่ในพื้นที่แคบ หรือในขณะยืนรออาหาร ซึ่งสัตวแพทย์เรียกพฤติกรรมนี้ว่า stereotypic behavior แต่เมื่อได้มาอยู่ร่วมกับเพื่อนใหม่อย่างสีบัวและบุญหลาย พฤติกรรมเหล่านั้นก็ค่อย ๆ หายไป และปรับพฤติกรรมเข้ากับช้างเชือกอื่นได้เป็นอย่างดี เช่น เล่นซนกับสีบัว หรือเดินพูดคุยตามประสาช้างกับบุญหลาย แม้ว่ากำไรจะเป็นช้างที่ไม่ค่อยอยู่นิ่ง ชอบเดินหายเข้าไปในป่า หรือบางวันกินได้นิดเดียวแล้วก็ลุกไปเดินต่อ แต่เธอก็สามารถปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตใหม่ได้ดี เธอเคยมีเพื่อนเป็นหมาสีดำชื่อเฉาก๊วย ที่มักเดินตามกำไรไปทุกที่ ปัจจุบันกำไรมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นมาก ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ มีเพื่อนฝูงที่สามารถแบ่งปันความสุขได้ และที่สำคัญ เธอไม่ต้องตื่นมาเพื่อทำงานอีกต่อไปแล้ว

Elephant Forest Phitsanulok

สมบูรณ์

พังสมบูรณ์ – สู่ชีวิตใหม่ในผืนป่า และการเรียนรู้ที่จะไว้ใจควาญอีกครั้ง พังสมบูรณ์เคยเป็นช้างทำงานท่องเที่ยวในภาคเหนือ ก่อนถูกขายไปทำงานลากไม้ในภาคใต้ และต่อมาก็ถูกส่งต่อไปยังปางช้างอีกแห่ง แต่เพราะเธอไว้ใจเพียงควาญคนเดิม เมื่อถูกเปลี่ยนมือ พังสมบูรณ์ไม่ยอมให้ควาญคนใหม่ใช้งาน ทำให้เธอถูกทำร้ายอย่างรุนแรง จนกลายเป็นช้างที่หวาดระแวงและก้าวร้าว และสุดท้ายถูกส่งกลับมาให้เจ้าของคนเดิม วันหนึ่ง เกิดเหตุที่ไม่มีใครตั้งใจ พังสมบูรณ์ทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แม้จะเป็นอุบัติเหตุ แต่ก็ทำให้เธอถูกมองว่าเป็น “ช้างมีประวัติ” ไม่มีปางช้างท่องเที่ยวใดกล้ารับเธอไปทำงาน หากไม่มีใครช่วย เหลือเพียงทางเดียวคือถูกขายกลับไปทำงานลากซุงอีกครั้ง ซึ่งสำหรับช้างอายุเช่นเธอ งานเช่นนั้นหนักเกินไป โชคดีที่ คุณหนูนา กัญจนา ศิลปอาชา สุภาพสตรีผู้มีความเมตตา ได้ยื่นมือช่วย ไถ่ชีวิตพังสมบูรณ์ และส่งเธอมาสู่บ้านใหม่ Elephant Forest Phitsanulok ซึ่งเปิดบ้านต้องรับเธอด้วยความเต็มใจ ที่นี่ เธอไม่ต้องทำงานหนักหรือถูกบังคับอีกต่อไป ได้รับการดูแลด้วยความรัก มีอาหารหลากหลาย ได้ออกหากินในป่า และได้ลิ้มรสผลไม้โปรดอย่าง มะยงชิด ปัจจุบัน พังสมบูรณ์เริ่มไว้ใจควาญคนใหม่ เข้าใจภาษากันมากขึ้น และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เธอจะได้พบเพื่อนช้างวัยใกล้เคียง เพื่อเริ่มต้นสังคมใหม่ในป่า เราเชื่อว่า เมื่อได้รับเวลาและโอกาส พังสมบูรณ์จะค่อยๆ คลายความหวาดระแวง กลับมามีจิตใจอ่อนโยน และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับเพื่อนช้างตลอดไป ณ ผืนป่าแห่งนี้
พังสมบูรณ์ – สู่ชีวิตใหม่ในผืนป่า และการเรียนรู้ที่จะไว้ใจควาญอีกครั้ง พังสมบูรณ์เคยเป็นช้างทำงานท่องเที่ยวในภาคเหนือ ก่อนถูกขายไปทำงานลากไม้ในภาคใต้ และต่อมาก็ถูกส่งต่อไปยังปางช้างอีกแห่ง แต่เพราะเธอไว้ใจเพียงควาญคนเดิม เมื่อถูกเปลี่ยนมือ พังสมบูรณ์ไม่ยอมให้ควาญคนใหม่ใช้งาน ทำให้เธอถูกทำร้ายอย่างรุนแรง จนกลายเป็นช้างที่หวาดระแวงและก้าวร้าว และสุดท้ายถูกส่งกลับมาให้เจ้าของคนเดิม วันหนึ่ง เกิดเหตุที่ไม่มีใครตั้งใจ พังสมบูรณ์ทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แม้จะเป็นอุบัติเหตุ แต่ก็ทำให้เธอถูกมองว่าเป็น “ช้างมีประวัติ” ไม่มีปางช้างท่องเที่ยวใดกล้ารับเธอไปทำงาน หากไม่มีใครช่วย เหลือเพียงทางเดียวคือถูกขายกลับไปทำงานลากซุงอีกครั้ง ซึ่งสำหรับช้างอายุเช่นเธอ งานเช่นนั้นหนักเกินไป โชคดีที่ คุณหนูนา กัญจนา ศิลปอาชา สุภาพสตรีผู้มีความเมตตา ได้ยื่นมือช่วย ไถ่ชีวิตพังสมบูรณ์ และส่งเธอมาสู่บ้านใหม่ Elephant Forest Phitsanulok ซึ่งเปิดบ้านต้องรับเธอด้วยความเต็มใจ ที่นี่ เธอไม่ต้องทำงานหนักหรือถูกบังคับอีกต่อไป ได้รับการดูแลด้วยความรัก มีอาหารหลากหลาย ได้ออกหากินในป่า และได้ลิ้มรสผลไม้โปรดอย่าง มะยงชิด ปัจจุบัน พังสมบูรณ์เริ่มไว้ใจควาญคนใหม่ เข้าใจภาษากันมากขึ้น และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เธอจะได้พบเพื่อนช้างวัยใกล้เคียง เพื่อเริ่มต้นสังคมใหม่ในป่า เราเชื่อว่า เมื่อได้รับเวลาและโอกาส พังสมบูรณ์จะค่อยๆ คลายความหวาดระแวง กลับมามีจิตใจอ่อนโยน และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับเพื่อนช้างตลอดไป ณ ผืนป่าแห่งนี้

Elephant Forest Phitsanulok

แสงดาว

คุณยายแสงดาวเป็นช้างวัยชราที่เราได้พบครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2561 ที่ปางช้างแห่งหนึ่ง ตอนนั้นคุณยายอยู่ในสภาพที่น่าเป็นห่วง สุขภาพโดยรวมอ่อนแอ น้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน และมีแผลติดเชื้อบริเวณศีรษะ ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านช้างประเมินว่าคุณยายน่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกิน 6 เดือน เราจึงตัดสินใจรับคุณยายแสงดาวมาอยู่กับเราทันที โดยหวังว่าจะได้ดูแลและมอบบั้นปลายชีวิตที่สงบสุขให้กับคุณยาย แม้เจ้าของเก่าจะบอกว่าคุณยายเป็นช้างดื้อ แต่เมื่อมาอยู่กับเรา คุณยายกลับให้ความร่วมมือกับพี่ควาญอย่างดี เราเชื่อว่าอาจเป็นเพราะคุณยายไม่ต้องทำงานหนักอีกต่อไป เพียงได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระในบรรยากาศที่อบอุ่นและปลอดภัย ด้วยวัยที่มาก ฟันของคุณยายร่วงไปเกือบหมด ทำให้ต้องได้รับอาหารเฉพาะที่เคี้ยวง่ายและย่อยง่าย ทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ของเราช่วยกันเตรียมอาหารที่เหมาะสม และดูแลสุขภาพคุณยายอย่างใกล้ชิด จากที่เคยคาดว่าจะอยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือน คุณยายแสงดาวกลับมีชีวิตอยู่กับเรานานถึง 7 ปีเต็ม ในช่วงเวลานั้นคุณยายไม่เพียงแค่ฟื้นตัวทางร่างกาย แต่ยังกลายเป็นขวัญใจของนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม หลายคนประทับใจในรอยยิ้มที่อ่อนโยนและสายตาอบอุ่นของคุณยาย จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าและร่วมอนุรักษ์ช้างไทย แม้ในช่วงบั้นปลายชีวิตคุณยายจะมีอาการเจ็บตาและต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ แต่คุณยายก็อดทนและผ่านทุกขั้นตอนอย่างสงบ ก่อนจะจากเราไปอย่างสงบด้วยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด และจากผลตรวจยังพบว่าคุณยายเป็นโรคตับด้วย แม้เราจะเสียใจมากที่ต้องลาคุณยาย แต่เราก็ภูมิใจที่ได้ดูแลคุณยายให้มีชีวิตช่วงสุดท้ายที่สงบ สุข และเต็มไปด้วยความรักตลอด 7 ปีที่ผ่านมา
คุณยายแสงดาวเป็นช้างวัยชราที่เราได้พบครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2561 ที่ปางช้างแห่งหนึ่ง ตอนนั้นคุณยายอยู่ในสภาพที่น่าเป็นห่วง สุขภาพโดยรวมอ่อนแอ น้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน และมีแผลติดเชื้อบริเวณศีรษะ ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านช้างประเมินว่าคุณยายน่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกิน 6 เดือน เราจึงตัดสินใจรับคุณยายแสงดาวมาอยู่กับเราทันที โดยหวังว่าจะได้ดูแลและมอบบั้นปลายชีวิตที่สงบสุขให้กับคุณยาย แม้เจ้าของเก่าจะบอกว่าคุณยายเป็นช้างดื้อ แต่เมื่อมาอยู่กับเรา คุณยายกลับให้ความร่วมมือกับพี่ควาญอย่างดี เราเชื่อว่าอาจเป็นเพราะคุณยายไม่ต้องทำงานหนักอีกต่อไป เพียงได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระในบรรยากาศที่อบอุ่นและปลอดภัย ด้วยวัยที่มาก ฟันของคุณยายร่วงไปเกือบหมด ทำให้ต้องได้รับอาหารเฉพาะที่เคี้ยวง่ายและย่อยง่าย ทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ของเราช่วยกันเตรียมอาหารที่เหมาะสม และดูแลสุขภาพคุณยายอย่างใกล้ชิด จากที่เคยคาดว่าจะอยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือน คุณยายแสงดาวกลับมีชีวิตอยู่กับเรานานถึง 7 ปีเต็ม ในช่วงเวลานั้นคุณยายไม่เพียงแค่ฟื้นตัวทางร่างกาย แต่ยังกลายเป็นขวัญใจของนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม หลายคนประทับใจในรอยยิ้มที่อ่อนโยนและสายตาอบอุ่นของคุณยาย จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าและร่วมอนุรักษ์ช้างไทย แม้ในช่วงบั้นปลายชีวิตคุณยายจะมีอาการเจ็บตาและต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ แต่คุณยายก็อดทนและผ่านทุกขั้นตอนอย่างสงบ ก่อนจะจากเราไปอย่างสงบด้วยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด และจากผลตรวจยังพบว่าคุณยายเป็นโรคตับด้วย แม้เราจะเสียใจมากที่ต้องลาคุณยาย แต่เราก็ภูมิใจที่ได้ดูแลคุณยายให้มีชีวิตช่วงสุดท้ายที่สงบ สุข และเต็มไปด้วยความรักตลอด 7 ปีที่ผ่านมา

Elephant Forest Phitsanulok

ดอกคูณ

ดอกคูณเคยเป็นช้างแรงงานให้นักท่องเที่ยวนั่งบนหลัง และต้องนั่งลุกบนพื้นคอนกรีตแข็งหลายครั้งต่อวัน จนเกิดเป็นก้อนเนื้อบริเวณใบหน้าและขาขวาด้านหน้า ไม่เคยได้รับการรักษา แต่เมื่อสัตวแพทย์ตรวจแล้วพบว่าไม่เป็นอันตราย เราจึงได้แต่เฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด วันแรกที่มาอยู่กับเรา คูณหันหน้าหนี ไม่ยอมสบตา เดินหลบทั้งคนและช้างเชือกอื่น เราเข้าใจดีว่าคูณอาจผ่านประสบการณ์ที่ทำให้ไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรามีกำลังใจ คือคูณเป็นช้างที่เรียบร้อย เชื่อฟัง และไม่ดื้อเลย เราเคยกังวลว่าคูณจะปรับตัวไม่ได้ เพราะช่วงแรก ๆ คูณกินอาหารน้อยมาก แม้กระทั่งระหว่างเดินป่าก็ไม่ยอมแวะหาอะไรกินเลย ภายหลังเราจึงได้รู้ว่า คูณถูกฝึกมาให้นำนักท่องเที่ยวและห้ามหยุดกินระหว่างทาง วันหนึ่งคูณเดินผ่านกอไผ่พุ่มใหญ่แล้วหยุดลงเพื่อกินไผ่ด้วยความเพลิดเพลิน นั่นทำให้เรารู้ว่า คูณไม่ได้เบื่ออาหาร แค่เลือกกินและมีความสุขกับไผ่มากเป็นพิเศษ คูณเคยแอบหายตัวไปในช่วงไม่กี่วันแรกที่มาอยู่ พี่ควาญต้องช่วยกันตามหา สุดท้ายก็พบคูณยืนเคี้ยวไผ่อย่างสบายใจอยู่ในป่า พร้อมรอยเท้าและเศษไผ่ที่หล่นอยู่รายทาง พี่ ๆ แผนกสวนต้องรีบปลูกต้นไผ่เพิ่มเพราะความรักในไผ่ของคูณ คูณมีมุมขี้เล่นที่ทำให้เราหัวเราะได้เสมอ โดยเฉพาะเวลาลงไปเล่นน้ำ คูณชอบใช้งวงตีน้ำ พ่นน้ำใส่ตัวเอง และบางครั้งก็แอบดำน้ำโผล่แค่งวงขึ้นมา จ้องมาทางเราเหมือนจะชวนให้ลงเล่นน้ำด้วยกัน วันหนึ่ง สีบัว ช้างเพื่อนสนิทของคูณมาอ้อนให้ออกไปเล่นน้ำด้วยกัน คูณลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ยอมลงน้ำตามคำชวนของพี่ควาญว่า “ลงมาในน้ำสิ มันดีนะ” อย่างว่าง่าย สีบัวรออยู่ก่อนแล้ว และทั้งคู่ก็เล่นน้ำด้วยกันอย่างสนุกสนาน เป็นภาพที่ทำให้เรายิ้มได้ทุกครั้งที่นึกถึง แม้จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับเราเรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ. 2566 แต่เมื่อสัตวแพทย์มาตรวจพบว่าคูณติดเชื้อวัณโรค ซึ่งแม้จะไม่แสดงอาการ แต่สามารถแพร่สู่ช้างเชือกอื่นและมนุษย์ได้ เราจึงตัดสินใจส่งคูณเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย คาดว่าคูณน่าจะติดเชื้อมาจากปางช้างเดิมที่แออัด คูณให้ความร่วมมือกับการรักษาอย่างดี แม้จะไม่ชอบก็ตาม เราอยากขอบคุณทีมสัตวแพทย์ที่ทำเต็มที่ที่สุดเพื่อคูณ และคูณก็ยังคงเป็นช้างที่เรียบร้อย ใจดี และเป็นที่รักของทุกคนเสมอ เรื่องของคูณเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่เราอยากจะขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวให้ชื่นชมช้างจากระยะห่าง เพราะโรคบางอย่างสามารถแพร่จากคนสู่ช้าง และจากช้างสู่คนได้ โดยไม่แสดงอาการจนกว่าจะอายุมากแล้ว คูณอาจจะไม่ได้อยู่ในสายตาเราในทุกวันเหมือนแต่ก่อน แต่ความผูกพัน ความอ่อนโยน และรอยยิ้มที่คูณเคยมอบให้พวกเรา จะอยู่ในใจของเราตลอดไป
ดอกคูณเคยเป็นช้างแรงงานให้นักท่องเที่ยวนั่งบนหลัง และต้องนั่งลุกบนพื้นคอนกรีตแข็งหลายครั้งต่อวัน จนเกิดเป็นก้อนเนื้อบริเวณใบหน้าและขาขวาด้านหน้า ไม่เคยได้รับการรักษา แต่เมื่อสัตวแพทย์ตรวจแล้วพบว่าไม่เป็นอันตราย เราจึงได้แต่เฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด วันแรกที่มาอยู่กับเรา คูณหันหน้าหนี ไม่ยอมสบตา เดินหลบทั้งคนและช้างเชือกอื่น เราเข้าใจดีว่าคูณอาจผ่านประสบการณ์ที่ทำให้ไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรามีกำลังใจ คือคูณเป็นช้างที่เรียบร้อย เชื่อฟัง และไม่ดื้อเลย เราเคยกังวลว่าคูณจะปรับตัวไม่ได้ เพราะช่วงแรก ๆ คูณกินอาหารน้อยมาก แม้กระทั่งระหว่างเดินป่าก็ไม่ยอมแวะหาอะไรกินเลย ภายหลังเราจึงได้รู้ว่า คูณถูกฝึกมาให้นำนักท่องเที่ยวและห้ามหยุดกินระหว่างทาง วันหนึ่งคูณเดินผ่านกอไผ่พุ่มใหญ่แล้วหยุดลงเพื่อกินไผ่ด้วยความเพลิดเพลิน นั่นทำให้เรารู้ว่า คูณไม่ได้เบื่ออาหาร แค่เลือกกินและมีความสุขกับไผ่มากเป็นพิเศษ คูณเคยแอบหายตัวไปในช่วงไม่กี่วันแรกที่มาอยู่ พี่ควาญต้องช่วยกันตามหา สุดท้ายก็พบคูณยืนเคี้ยวไผ่อย่างสบายใจอยู่ในป่า พร้อมรอยเท้าและเศษไผ่ที่หล่นอยู่รายทาง พี่ ๆ แผนกสวนต้องรีบปลูกต้นไผ่เพิ่มเพราะความรักในไผ่ของคูณ คูณมีมุมขี้เล่นที่ทำให้เราหัวเราะได้เสมอ โดยเฉพาะเวลาลงไปเล่นน้ำ คูณชอบใช้งวงตีน้ำ พ่นน้ำใส่ตัวเอง และบางครั้งก็แอบดำน้ำโผล่แค่งวงขึ้นมา จ้องมาทางเราเหมือนจะชวนให้ลงเล่นน้ำด้วยกัน วันหนึ่ง สีบัว ช้างเพื่อนสนิทของคูณมาอ้อนให้ออกไปเล่นน้ำด้วยกัน คูณลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ยอมลงน้ำตามคำชวนของพี่ควาญว่า “ลงมาในน้ำสิ มันดีนะ” อย่างว่าง่าย สีบัวรออยู่ก่อนแล้ว และทั้งคู่ก็เล่นน้ำด้วยกันอย่างสนุกสนาน เป็นภาพที่ทำให้เรายิ้มได้ทุกครั้งที่นึกถึง แม้จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับเราเรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ. 2566 แต่เมื่อสัตวแพทย์มาตรวจพบว่าคูณติดเชื้อวัณโรค ซึ่งแม้จะไม่แสดงอาการ แต่สามารถแพร่สู่ช้างเชือกอื่นและมนุษย์ได้ เราจึงตัดสินใจส่งคูณเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย คาดว่าคูณน่าจะติดเชื้อมาจากปางช้างเดิมที่แออัด คูณให้ความร่วมมือกับการรักษาอย่างดี แม้จะไม่ชอบก็ตาม เราอยากขอบคุณทีมสัตวแพทย์ที่ทำเต็มที่ที่สุดเพื่อคูณ และคูณก็ยังคงเป็นช้างที่เรียบร้อย ใจดี และเป็นที่รักของทุกคนเสมอ เรื่องของคูณเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่เราอยากจะขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวให้ชื่นชมช้างจากระยะห่าง เพราะโรคบางอย่างสามารถแพร่จากคนสู่ช้าง และจากช้างสู่คนได้ โดยไม่แสดงอาการจนกว่าจะอายุมากแล้ว คูณอาจจะไม่ได้อยู่ในสายตาเราในทุกวันเหมือนแต่ก่อน แต่ความผูกพัน ความอ่อนโยน และรอยยิ้มที่คูณเคยมอบให้พวกเรา จะอยู่ในใจของเราตลอดไป